วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เบาหวาน โรคเบาหวาน คนอ้วน ทำไมผู้ป่วยเบาหวาน (Diabetes) จึงปัสสาวะหวาน อินซูลิน และลิฟเวล (LIFVEL)

ทำไมผู้ป่วยเบาหวาน (Diabetes) จึงปัสสาวะหวาน 
ผู้ป่วยโรคเบาหวานจะมีน้ำตาลออกมาในปัสสาวะ ที่เรียกว่า ปัสสาวะหวาน สาเหตุที่ทำให้ปัสสาวะหวานเพราะร่างกายผู้ป่วยไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้หมด น้ำตาลที่เหลือก็จะผสมอยู่ในกระแสเลือดและถูกไตขับทิ้งออกจากร่างกายทางปัสสาวะ เป็นเหตุให้ปัสสาวะหวาน




น้ำตาลเกินในกระแสเลือดมีสาเหตุมาจาก
ตับอ่อนจะผลิตฮอร์โมนอินซูลินออกมา เพื่อให้อินซูลินนำน้ำตาลออกไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย และนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงาน หาก
อินซูลินเกิดบกพร่องจะทำให้อินซูลินนำน้ำตาลไปให้เซลล์ต่างๆได้น้อย จึงเหลือน้ำตาลในกระแสเลือดมากเกินไปเป็นสาเหตุให้ปัสสาวะออกมาหวานในคนเป็นเบาหวาน

การที่ร่างกายผลิตอินซูลินไม่มีคุณภาพหรือมีปริมาณน้อยมีสาเหตุมาจาก
1. ตับอ่อนผลิตอินซูลินออกมาได้น้อยลง จึงทำให้มีอินซูลินน้อยกว่าปริมาณน้ำตาล น้ำตาลที่เหลือจะไปอยู่ในกระแสเลือดมากทำให้กลายเป็นเบาหวาน
2. คนอ้วน อินซูลินไม่สามารถพาน้ำตาลไปได้ เพราะเซลล์ไขมันจะผลิตฮอร์โมนบางตัวออกมารบกวนการทำงานของอินซูลิน ทำให้อินซูลินทำงานได้ไม่เต็มที่




3. สตรีมีครรภ์ ในสตรีบางคนเวลาตั้งครรภ์จะผลิตฮอร์โมนบางตัวออกมารบกวนการทำงานของอินซูลิน
4. อินซูลินบกพร่อง ซึ่งพบน้อยมากเกิดจากการผิดปกติของยีนส์


ผู้ที่เสี่ยงต่อเป็นเบาหวาน
1. มีญาติเป็นเบาหวาน
2. คนอ้วน น้ำหนักเกิน จะพบว่าคนอ้วนเป็นเบาหวานถึง 85 เปอร์เซ็นต์
3. คนที่มีประวัติว่าตั้งครรภ์แล้วแท้งบ่อยๆ สาเหตุคือ แม่เป็นเบาหวานแล้วไม่ทราบทำให้โอกาสแท้งได้
4. ผู้ที่เป็นแผลติดเชื้อบ่อย เช่น แผลที่มือ เท้า ปัสสาวะอักเสบ เป็นแผลหายยากหายช้าต้องรีบไปตรวจ





การตรวจหาภาวะเสี่ยงต่อเบาหวาน
การตรวจหาภาวะเสี่ยงต่อเบาหวาน โดยใช้วิธีการตรวจหาค่าน้ำตาลในเลือดแบบคราวทำได้ง่าย ด้วยเครื่องตรวจเบาหวานโดยการเจาะเลือดบริเวณปลายนิ้วแค่หยดเดียวก็จะรู้ค่าของน้ำตาลในเลือดได้แล้ว สามารถทำเองได้ที่บ้าน



หลักการเลือกซื้อเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด



1. ขนาดของเครื่อง ควรเลือกซื้อเครื่องที่มีขนาดกระทัดรัด เบาบาง เหมาะในการพกติดตัวไปใหนมาใหนได้สะดวก โดยเฉพาะเมื่อต้องการเดินทางบ่อยๆ
2. ขนาดของหน้าจอหรือปุ่มสัมผัส ต้องง่ายต่อการใช้งาน
3. การเก็บข้อมูล ภายในตัวเครื่องควรที่จะมีหน่วยความจำที่สามารถบันทึกข้อมูลในการวัดระดับน้ำตาลครั้งก่อนๆเอาไว้ได้ และสามารถถ่ายโอนข้อมูลนั้นไปยังโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง โดยเฉพาะเมื่อเราต้องการส่งข้อมูลนั้นไปให้กับแพทย์โดยที่เราไม่จำเป็นที่จะต้องเดินทางไปโรงพยาบาล
4. วิธีการประเมินผล เครื่องวัดควรจะประมวลและอ่านผลได้อย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมากในช่วงเวลาฉุกเฉิน
5. คุณสมบัติเพิ่มเติมอื่นๆ ที่เพิ่มความสะดวกไช้งานได้มากขึ้น เช่น การมีแสงที่ช่วยให้มองเห็นได้ในเวลากลางคืน สามารถวัดอุณหภูมิได้ หรือการอ่านค่าออกมาเป็นเสียงพูด เป็นต้น


ระดับของน้ำตาลในเลือด



1. คนปกติ ก่อนทานอาหารต้องมีน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หลังอาหารต่ำกว่า 140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
2. คนที่เป็นเบาหวาน ค่าของน้ำตาลในเลือดจะมากกว่า 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ก่อนทานอาหาร และมากกว่า 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หลังจากทานอาหาร
3. คนที่อยู่ระหว่างกลาง ผู้ที่อยู่ระหว่าง 100-125 ก่อนทานอาหาร และ 140-199 หลังทานอาหารนั้นอยู่ในกลุ่มเสี่ยงอาจเป็นหรือไม่เป็นก็ได้ต้องทำการตรวจไหม่ โดยการเจาะเลือดจากเส้นเลือดดำซึ่งจะก่อนทำการตรวจต้องอดอาหาร 6-8 ชั่วโมงในตอนกลางคืน แล้วมาเจาะเลือดในตอนเช้า หลังจากเจาะครั้งแรกจะต้องดื่มน้ำตาลกลูโคสทันที 1 แก้วให้หมดภายใน 5 นาที แล้วรออีก 2 ชั่วโมงจึงจะทำการเจาะเลือดอีกครั้งเพื่อดูความแตกต่างระหว่างก่อนและหลังจากที่ร่างกายได้รับน้ำตาล ดูว่าฮอร์โมนอินซูลินจะยังมีคุณภาพสามารถพาน้ำตาลไปใช้ได้ดีขนาดใหน มีเหลือตกค้างหรือไม่


อาการเบื้องต้นของโรคเบาหวาน
1. เข้าห้องน้ำบ่อย
เข้าห้องน้ำบ่อยมากขึ้น รู้สึกเหมือนต้องการปัสสาวะทั้งวัน ซึ่งการถ่ายปัสสาวะจะบ่อยขึ้นหากมีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงเกินไป หากไม่มีฮอร์โมนอินซูลิน หรือมีแต่ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ ไตจะไม่สามารถกรองเอากลูโคสกลับเข้าไปในกระแสเลือดได้ จึงต้องพยายามดึงน้ำออกจากเลือดเพื่อเจือจางกลูโคส ทำให้กระเพาะปัสสาวะเต็มและทำให้คุณต้องไปเข้าห้องน้ำบ่อยๆ




2. ความกระหายน้ำที่ไม่อาจบรรเทาได้
คุณจะรู้สึกหิวน้ำจนต้องดื่มน้ำมากกว่าปกติ และรู้สึกว่าดื่มน้ำเท่าไหร่ก็ไม่พอ อาจเป็นสัญญาณเตือนของเบาหวานได้ โดยเฉพาะหากมีอาการปัสสาวะบ่อยร่วมด้วย เนื่องจากเมื่อร่างกายต้องขับน้ำออกจากกระแสเลือดเป็นปริมาณมากจนคุณต้องเข้าห้องน้ำบ่อย คุณจะมีภาวะขาดน้ำ และรู้สึกว่าจำเป็นต้องดื่มน้ำมากขึ้นเพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไป


3. น้ำหนักลดโดยไม่ได้ตั้งใจ
อาการนี้จะเด่นชัดในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ที่ตับอ่อนจะหยุดผลิตอินซูลิน ซึ่งอาจเนื่องมาจากการที่มีเชื้อไวรัสไปทำลายเซลล์ตับอ่อน หรือเกิดจากการที่มีภาวะภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง ทำให้ร่างกายโจมตีเซลล์ที่ผลิตอินซูลิน ร่างกายจะพยายามแสดงหาแหล่งพลังงานอื่นๆอย่างหนักเนื่องจากเซลล์ในร่างกายไม่ได้รับกลูโคส จนกระทั่งเริ่มสลายกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อไขมันเพื่อนำมาเป็นพลังงาน ในขณะที่เบาหวานชนิดที่ 2 อาการจะเริ่มเป็นมากขึ้นทีละน้อยเนื่องจากภาวะร่างกายดื้อต่ออินซูลิน ทำให้น้ำหนักลดอย่างไม่ชัดเจนมากนัก
4. อ่อนเพลียและเหนื่อยล้า




ตามปกติกลูโคสที่ได้รับจากการกินอาหารจะดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด ซึ่งอินซูลินจะช่วยเคลื่อนย้ายกลูโคสเข้าไปในเซลล์ต่างๆของร่างกายอีกขั้นหนึ่ง เซลล์ก็จะนำกลูโคสนี้ไปผลิตพลังงานที่ใช้ในการดำรงชีวิต เมื่อไม่มีอินซูลิน หรือเซลล์ของร่างกายไม่ตอบสนองต่ออินซูลินอีกต่อไป กลูโคสก็จะคงอยู่ในกระแสเลือดนอกเซลล์ เซลล์ร่างกายก็จะขาดแคลนพลังงาน ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยง่ายและร่างกายทรุดโทรมลงเรื่อยๆ




5. อาการเหน็บชาหรือรู้สึกเหมือนเข็มทิ่มบริเวณมือ ขา หรือเท้า
ที่เรียกว่า เส้นประสาทอักเสบ ซึ่งจะเป็นมากขึ้นทีละน้อย เนื่องจากกลูโคสในกระแสเลือดที่สูงเกินไปตลอดเวลาจะทำให้ระบบประสาทเสียหาย รวมทั้งบริเวณแขนขาด้วย ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 อาการมักจะค่อยเป็นค่อยไป จนคนหลายคนไม่รู้ตัวว่าตนเองมีอาการนี้ ดังนั้นระดับน้ำตาลในเลือดอาจสูงมาเป็นเวลาหลายปีก่อนที่จะได้รับการวินิจฉัย ความเสียหายของเส้นประสาทจะเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว บ่อยครั้งที่อาการเส้นประสาทอักเสบสามารถดีขึ้นได้ด้วยการควบคุมระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์เป้าหมายอย่างเคร่งครัด
6. อาการและสัญญาณเตือนอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้




อาการตามัว ผิวหนังแห้งหรือคัน มีการติดเชื้อบ่อยขึ้น บาดแผลที่ใช้เวลานานผิดปกติกว่าจะหาย ก็เป็นสัญญาณเตือนว่ามีบางสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น
อาการเหล่านี้เกี่ยวข้องกับเบาหวาน ที่มีผลจากการที่มีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงเกินไป หากคุณสังเกตว่าตนเองมีอาการข้างต้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้แน่ใจ



ป้องกันการเกิดอาการเบื้องต้นของโรคเบาหวาน Livitanutrics ขอแนะนำ ผลิตภัณฑ์ ลิฟเวล ( LIFVEL) ซึ่งเป็นอาหารเสริมผู้ป่วยเบาหวานที่มีสารสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ ลดสาเหตุโรคเบาหวานเพราะมีฤทธิ์ในการลดระดับน้ำตาลในเลือด และโครเมียม พิโคลิเนตที่มีช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานในปริมาณสูง

ลิฟเวล ( LIFVEL) เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่ให้ผลจากการรับประทาน 100% เห็นผลจริง รวดเร็ว ชัดเจน จึงขายดีที่สุดในขณะนี้



ผลิตภัณฑ์ ลิฟเวล ( LIFVEL)  สามารถแก้ปัญหา โรคเบาหวานอย่างได้ผล

ปริมาณและราคา 1 ขวดบรรจุ 30 แคปซูล ราคา 1,900 บาท
   
สั่งสินค้าคลิกที่นี้

ดูข้อมูลที่   http://lifvelsaibua.blogspot.com

สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่ายที่

คุณ  สายบัว   บุญหมื่น    โทร. 088 415 3926

ID Line : bua300908

อีเมล์  sboonmuen@gmail.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น